วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ครั้งที่ 6

11 กันยายน 2561

วันนี้อาจารย์สอนทำสื่อสำหรับเด็ก ทั้งหมด 5 สื่อด้วยกัน โดยมีสื่อดังต่อไปนี้ 



1.ภาพหมุุน 


                           



อุปกรณ์
1.กระดาษแข็ง (ที่มีรูปภาพ หรือ วาดเองก็ได้) 
2.ไม้เสียบลูกชิ้น
3.สี
4.กาว






วิธีทำ
1. ระบายสีภาะให้สวยงาม 
2. ตัดกระดาษตามกรอบ 4 เหลี่ยม 
3. นำกระดาษ 2 แผ่นแปะติดกัน โดยเอาไม้เสียบลูกชิ้นไว้ตรงกลาง



2.ตัวหนอน 




อุปกรณ์ 
1. กระดาษทิชชู่
2.ตะเกียบ
3.กระดาษแข็ง
4.หลอด
5.ปืนกาว
6.สี 



วิธีทำ 
1.ม้วนกระดาษทิชชู่แล้วรูดลงให้เป็นหยักๆ
2.ระบายสีลงบนกระดาษทิชชู่
3.วาดรูปใบไม้ลงบนกระดาษแข็งระบายสีและตัดให้เรียบร้อย 
4.ใช้ปืนกาวยิงให้ตัวหนอนกับปลายไม้ตะเกียบติดกัน 
5.ตัดหลอดความยาวประมาณ 2 เซนติเมตร สอดเข้าไปในตะเกียบ แล้วใช้ปืนกาวยิงด้านบนของหลอดให้ติดกับตัวหนู และด้านล่างให้ติดกับใบไม้




3.แม่ไก่ออกไข่ 



อุปกรณ์
1.กระดาษแข็ง (ที่วาดรูปแม่ไก่ตามในภาพ)
2.กรรไกร
3.สี 




วิธี่ทำ
1.ระบายสีให้สวยงาม 
2.ใช้กรรไกรตัดตามรอยปะ ทั้งตรงก้นไก่ และด้านบน
3.พับครึ่งตามรอยปะที่แบ่งครึ่งไว้
4.นำกระดาษที่ตัดตามรอบปะแหย่ออกมาทางก้นไก่ จากนั้นก็วาดรูปตามต้องการ ระบายสีให้สวยงาม
5.ติดกาวส่วนที่พับครึ่งประกบกันที่เหลือ ให้ติดกัน




4.สมุดคำศัพท์



อุปกรณ์
1.กระดาษแข็งที่แบ่งช่องไว้เหมือนในรูป
2.กรรไกร 
3.สี ดินสอ ปากกาเคมี




วิธีทำ
1.ตัดกระดาษตามรอยปะ
2.นำกระดาษ 2 แผ่นมาติดกัน
3.พับกระดาษแบบพับขึ้นพับลงสลับกัน 
4. วาดรูปและระบายสี พร้อมเขียนบรรยายให้ถูกต้อง




5.ภาพล่องหน 



อุปกรณ์
1. กระดาษ A4 2แผ่น
2. แผ่นใสขนาด A4
3. แล็คซีน
4. แม็กเย็บกระดาษ
5. สี ปากกาเคมี 





วิธีทำ
1. เย็บกระดาษ 1 แผ่นติดกับแผ่นใส จากนั้นใช้แล็คซีนปิดรอยเย็บ
2.วาดรูปลงในกระดาษที่เย็บติดกับแผ่นใสจากนั้นระบายสีให้สวยงาม 
3.ใช้ปากกาเคมีวาดรูปลงบนแผ่นใสตามรอยรูปในกระดาษ
4.ใช้กระดาษแผ่นที่เหลือวางขั้นกลางระหว่างกระดาษที่วาดรูป กับ แผ่นใส






ครั้งที่ 5

4 กันยายน 2561



การเล่น


ความหมายของการเล่น  
ประสบการณ์และกิจกรรมทุกชนิดที่เกิดขึ้นด้วยความสมัครใจของเด็ก ที่นอกจากจะให้ความสนุกสนานแล้วยังเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ ซึ่งเป็นการช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะและการสร้างความสัมพันธ์ในทางสังคม เรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม เรียนรู้ที่จะใช้วัสดุเครื่องมือต่าง ๆ รู้จักหน้าที่ของตนเอง  นอกจากนี้ยังสามารถช่วยสร้างเสริมกระบวนการพัฒนาการด้านต่าง ๆ ทั้ง 4 ด้าน ให้เด็กได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย

ความสำคัญของการเล่น
การเล่นมีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็กเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเตรียมประสบการณ์เพื่อการอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข  ความสนุกสนานเพลิดเพลิน  นอกจากนี้การสร้างและแสดงออกทางจินตนาการอันเป็นหัวใจสำคัญของกิจกรรมทางความคิดของเด็กที่มีอย่างมากมายให้เด็กได้เลือกเล่นอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ซึ่งกล่าวได้ว่าการเล่นเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้พัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา

ทฤษฎีการเล่นของเด็ก

1.ทฤษฎีคลาสสิค (Classical Theories)
 ทฤษฎีนี้เกี่ยวข้องกับสาเหตุและผลของการเล่น ประกอบด้วยทฤษฎีต่าง ๆ ดังนี้

                          1.1      ทฤษฎีพลังงานเหลือใช้ ( The Surplus Energy Theory)  ทฤษฎีนี้เชื่อว่า โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์จะเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้นและสะสมพลังงานไว้ในตัว ถ้าหากมีพลังงานที่เหลือจากการใช้เพื่อดำรงชีวิตพื้นฐาน มนุษย์ก็จะใช้ไปในทางบันเทิงโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย เมื่อใดที่ครูสอนเด็กระดับอนุบาล เห็นเด็ก ๆ ออกไปวิ่งเล่นในสนามเด็กเล่นเต็มไปทั้งสนาม ความคิดของทฤษฎีนี้ดูเหมือนจะเป็นจริง

                        1.2   ทฤษฎีฝึกหัด (The Pre-Exercise Theory)  ทฤษฎีนี้ยืนยันว่าเด็กเล่นเพื่อฝึกหัด และทำให้สัญชาตญาณการอยู่รอดเป็นผลสมบูรณ์เมื่อเด็กเกิดมาใหม่ ๆ ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ยังไม่สมบูรณ์ เด็กจึงต้องอาศัยการเล่นเพื่อเป็นการทดลองพัฒนาประสาทสัมผัสอันจะส่งผลต่อพัฒนาการทางสติปัญญาและอารณ์ต่อไป   การฝึกหัดและการทดลองจะช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการอยู่รอดพอ  ๆ  กับทักษะในการดำรงชีวิต
                      1.3   ทฤษฎีการทำซ้ำ (The Recapitulation Theory)  ทฤษฎีนี้เชื่อว่า การเล่นของเด็กเป็นการนำกิจกรรมของบรรพบุรุษของตนมาแสดงใหม่อีกครั้งหนึ่ง   เช่น   การเล่นน้ำ  ขุดดิน  ปีนต้นไม้ พฤติกรรมการเล่นของเด็กพัฒนาไปคล้ายกับขั้นการพัฒนาทางวัฒนธรรมของมนุษย์ การเล่นจะช่วยให้เด็กลบล้างพฤติกรรที่ไม่พึงประสงค์ของมนุษย์ออกไป    การเล่นเป็นการเตรียมตัวเด็กให้ก้าวไปสู่กิจกรรมที่ทันสมัย ซึ่งทันกับโลกที่เจริญก้าวหน้า
                      1.4   ทฤษฎีนันทนาการ (The Recreation Theory)  ทฤษฎีนี้จะตรงกันข้ามกับทฤษฎีพลังงานเหลือใช้ ขณะที่ทฤษฎีพลังงานเหลือใช้กล่าวว่า คนเรามีพลังงานเหลือใช้ และต้องการที่จะกำจัดส่วนเกินทิ้งไป ทฤษฎีนันทนาการแนะนำว่าพลังงานของคนเราสิ้นเปลืองหมดไป จะต้องหาวิธีสะสมไว้ การทำงานจะทำให้สูญเสียพลังทางร่างกายและจิตใจ การเล่นจะทำให้สดชื่นและเรียกพลังงานให้กลับคืนมา เพื่อจะได้เริ่มทำงานใหม่
                  1.5 ทฤษฎีการพักผ่อน (The Relaxation Theory) ทฤษฎีนี้เป็นส่วนขยายของทฤษฎีนันทนาการ ซึ่งกล่าวถึงภารกิจของประชาชนในปัจจุบันว่าประสบกับความเมื่อยล้า เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานทั้งทางสมองและกล้ามเนื้อ จึงควรมีกิจกรรมการเล่นเพื่อผ่อนคลายความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นที่ต้องใช้กล้ามเนื้อใหญ่

 2.ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ (Psychoanalytical Theories)
ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์  (Freud)   อีริคสัน   (Erikson)   และ   เพลเลอร์  (Peller)  ได้อธิบายว่า การเล่นจะถูกนำไปโยงกับความเป็นผู้ใหญ่ภายในตัวเด็ก เมื่อเด็กเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากเกินควบคุม เด็กจะสร้างเรื่องราวสมมติขึ้น โดยการเล่นที่ใช้จินตนาการความคิดฝันและเล่นซ้ำ ๆ หลายครั้ง เพลเลอร์ (Peller, 1959) กล่าวว่า การเล่นเป็นการเก็บรวบรวมกระบวนการที่ต้องเผชิญกับความคับข้องใจ ความกังวล ความผิดหวัง ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งกระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่เป็นไปอย่างช้า ๆ และมั่นคง การเล่นช่วยให้เด็กเรียนวิธีการควบคุมตัวเอง โดยไม่ต้องสูญเสียความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับตนเอง  (Freud, 1965)  ตามความคิดของฟรอยด์ การเล่นเป็นทางออกให้เด็กได้แสดงความรู้สึก
                       อีริคสัน  (Erikson, 1963)    เชื่อว่า   การเล่นช่วยให้เด็กได้ฝึกหัด ทดลอง และเรียนรู้สถานการณ์ของการเป็นผู้ใหญ่ การเล่นเป็นกระบวนการต่อเนื่องของความสัมพันธ์ของความจริงทางด้านจิตใจและสังคม ความคิดของฟรอยด์และอีริคสัน เด็กจะมีพัฒนาการทางการเล่นไปตามขั้นตอน

3.ทฤษฎีสิ่งแวดล้อม (Ecological Theories)
ทฤษฎีสิ่งแวดล้อมกล่าวถึง โครงสร้าง และสถานการณ์ที่ทําให้การเล่นของเด็ก แตกต่างกันไป ซึ่งหมายถึงสิ่งเร้าที่ทําให้เด็กเกิดความสนใจ เช่น ชนิดของวัตถุ หรือชนิดของกิจกรรมการเล่น รวมไปถึง เพศของเพื่อนเล่นตลอดจนการควบคุมของผู้ใหญ่ด้วย (Nilwichean, H. 1992). 


สื่อที่ทำในวันนี้คือ ดอกไม้ popup

                                                  






อุปกรณ์
     1. กระดาษสี หรือกระดาษ A4
     2. กระดาษแข็งสำหรับทำหน้าปก
     3. กรรไกร
     4. สี
     5. กาว

วิธีทำ
   


ครั้งที่ 4

28 สิงหาคม 2561

บทที่ กระบวนการใช้สื่อประกอบการเรียนรู้

เกม (Games)

จุดมุ่งหมายของการเล่นเกม
2.1 ได้รับความเพลิดเพลินสนุกสนาน
2.2 พัฒนานิสัยการเล่นที่ดีและมีน้ำใจเป็นนักกีฬา
2.3 ฝึกท่าทางให้มีสุขภาพและรูปทรงสวยงาม
2.4 เร้าประสาทรับรู้ให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
2.5 สร้างความเชื่อมั่นและการบังคับตนเอง
2.6 ฝึกความร่วมมือในฐานะเป็นสมาชิกของกลุ่ม

เกมการเล่น
1. เกมช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางกาย
2. เกมช่วยพัฒนาทักษะกลไกในการเคลื่อนไหว
3. เกมช่วยสนับสนุนให้เด็กมีวุฒิภาวะทางอารมณ์
4. เกมช่วยในการปรับตัวทางสังคม
5. เกมช่วยพัฒนาด้านการรับรู้ การคิด การแก้ปัญหาและการตัดสินใจ

แนวคิดการจัดเกม
1.เกณฑ์การเลือกเกม
      1.1 ต้องพิจารณาว่าเกมนั้น ๆ จะส่งเสริมพัฒนาการเด็กในด้านใด
      1.2 เกมที่นำมาให้เด็กเล่นนั้นจะต้องช่วยส่งเสริมให้เด็กได้มีการเคลื่อนไหว
      1.3 เกมที่ดีจะต้องเป็นเกมที่เด็กสนใจ
      1.4 เกมที่ให้แด็กเล่นจะเป็นพื้นฐานสำหรับการฝึกทักษะ
      1.5 ช่วยเด็กให้เกิดมีทักษะด้านต่าง ๆ เช่นทักษะ การเคลื่อนไหว ทักษะการสังเกตทักษะการเรียบเทียบ
      1.6 เกมที่เล่นนั้นควรจะเป็นเกมที่เด็กสามารถนำไปเล่นซ้ำๆ
      1.7 เกมที่ดีต้องเป็นเกมที่ช่วยส่งเสริมหรือพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม
2. การวางแผนการเล่นเกม                                                                                                                         
3. วิธีดำเนินการให้เด็กเล่นเกม
4. การสอนเกมลักษณะต่างๆ
      4.1 เกมวงกลม
      4.2 เกมกลุ่มเด็กเล็ก
      4.3 การเล่นเป็นทีม

เกมการศึกษา
หมายถึง สื่อการเรียน ที่จัดขึ้นเพื่อให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาทักษะต่าง ๆ จากการเล่นโดยมีกฎเกณฑ์หรือกติกา จะเป็นพื้นฐานการเตรียมความพร้อมโดยเป็นการเล่นที่ไม่มุ่งเน้นเฉพาะเกมบัตรภาพ แต่เป็นเกมหลายรูปแบบที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาได้แก่ ด้านภาษา คณิตศาสตร์ เหตุผล มิติสัมพันธ์ ประสาทสัมผัส การรับรู้และการจำ ตลอดจนความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ


ประเภทของเกมการศึกษา
1) เกมการจับคู่
     1. สิ่งที่เหมือนกัน
     2. สิ่งที่สัมพันธ์กัน
     3. สิ่งที่เป็นของประเภทเดียวกัน
     4. สิ่งที่ขาดหายไป
2) เกมการจัดหมวดหมู่
3) เกมภาพตัดต่อ
4) เกมเรียงลำดับภาพหรือภาพต่อเนื่อง
    1. เรียงลำดับเหตุการณ์
    2. เรียงลำดับขนาด
    3. เรียงลำดับจำนวน
5) เกมโดมิโนหรือเกมต่อภาพเหมือน
6) เกมตารางสัมพันธ์
7) เกมพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
8) เกมลอตโต

ลักษณะที่ดีของเกมการศึกษา
1) ไม่จำเป็นต้องมีการตระเตรียมกันมาล่วงหน้า หรือถ้ามีก็ควรให้น้อยที่สุด
2) เป็นเกมที่ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน และมีลักษณะท้าทายความสามารถของเด็ก
3) มีคำสั่งและกติกาในการเล่นชัดเจน
4) เป็นเกมสั้น ๆ ไม่ควรใช้เวลาเกิน 15 นาที
5) เป็นเกมที่ให้ทั้งความสนุกสนาน ร่าเริง และได้รับความรู้หรือทักษะ
6) เป็นเกมที่ไม่ทำให้เสียวินัยในห้องเรียน
7) เป็นเกมที่เล่นเป็นทีม หรือเป็นเกมที่ไม่เกิดความกังวลเกี่ยวกับผู้ชนะ
8) เป็นเกมที่เด็กได้มีการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายบ่างตามสมควร
9) ถ้าเป็นการแข่งขัน ควรที่จะง่ายในการตรวจสอบและการตัดสินใจให้คะแนน
10) ควรใช้อุปกรณ์ที่สามารถประดิษฐ์ขึ้นเองได้ง่าย ๆ


ประโยชน์ของเกมการศึกษา
เกมการศึกษาช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีและสามารถจดจำได้ยาวนาน สามารถทำ ให้เด็กที่เรียนอ่อนหรือเรียนช้าพัฒนาการเรียนดีขึ้นช่วยให้เด็กมีความสามารถในการแก้ปัญหา และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ นอกจากจะได้รับความสนุกสนานแล้ว เด็กยังมีโอกาสแสวงหาความรู้ความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองนับว่าเกมการศึกษาเป็นนวัตกรรมที่มีความจำ

ลักษณะสื่อ 
1. เกมจับคู่ เกมประเภทนี้สามารถจัดได้หลายชนิด ได้แก่
   1.1 การจับคู่สิ่งที่เหมือนกัน
   1.2 การจับคู่สิ่งที่เป็นประเภทเดียวกัน
   1.3 การจับคู่สิ่งที่มีความสัมพันธ์กัน
   1.4 การจับคู่สิ่งที่สัมพันธ์แบบตรงกันข้าม
   1.6 การจับคู่ภาพเต็มกับภาพชิ้นส่วนที่หายไป
   1.7 การจับคู่ภาพที่ซ้อนกัน
   1.8 การจับคู่ภาพที่เป็นส่วนตัดกับภาพใหญ่
   1.9 การจับคู่สิ่งที่เหมือนกันแต่สีต่างกัน
   1.10 การจับคู่สีเหมือนกันแต่ของต่างกัน
   1.11 การจับคู่สิ่งที่เหมือนกันแต่ขนาดต่างกัน
   1.12 การจับคู่ภาพที่มีเสียงสระเหมือนกัน
   1.13 การจับคู่ภาพที่เสียงพยัญชนะต้นเหมือนกัน
   1.14 การจับคู่แบบอุปมาอุปไมย
   1.15 การจับคู่แบบอนุกรม
2. เกมภาพตัดต่อ
   2.1 ภาพตัดต่อเกี่ยวกับ คน สัตว์ พืช ผัก ผลไม้ดอกไม้ สิ่งของ พาหนะ ตัวเลข ค่าของจำนวน  
   2.2 ภาพตัดต่อที่สัมพันธ์กับหน่วยการสอน
3. เกมการวางภาพต่อปลาย (โดมิโน)
   3.1 โดมิโน ภาพเหมือน
   3.2 เกมโดมิโนภาพสัมพันธ์
4. เกมเรียงลำดับ  เกมประเภทนี้มีลักษณะเป็นภาพสิ่งของ เรื่องราว เหตุการณ์ ตั้งแต่ 3 ภาพขึ้นไป
   4.1 การเรียงลำดับภาพและเหตุการณ์ต่อเนื่อง
   4.2 การเรียงลำดับ ขนาด ความยาว ปริมาณปริมาตร จำนวน
5. เกมจัดหมวดหมู่  เกมประเภทนี้มีลักษณะเป็นแผ่ภาพ หรือของจริงประเภทสิ่งของต่างๆ
   5.1 ภาพสิ่งต่าง ๆ ที่นำมาจัดเป็นพวก ๆ ตามความคิดของเด็ก ที่มีจำนวนตั้งแต่ 4 ชิ้นขึ้นไป
   5.2 วัสดุของจริง ซึ่งอาจมีจำนวนตั้งแต่ 4 ชิ้นขึ้นไป
6. เกมหาความสัมพันธ์ระหว่างภาพกับสัญลักษณ์
7. เกมหาภาพที่มีความสัมพันธ์ตามลำดับที่กำหนด
8. เกมสังเกตรายละเอียดของภาพ (ลอตโต)
9. เกมหาความสัมพันธ์แบบอุปมาอุปไมย
10. เกมพื้นฐานการบวก
11. เกมจับคู่แบบตารางสัมพันธ์ (เมตริกเกม)

กิจกรรมต่อมา เป็นการวิเคราะห์สื่อ และนำเสนอสื่อของตัวเอง              

    




โดยสื่อที่ดิฉันนำมาวันนี้คือ หนังสทอนิทาน เรื่อง ฮัมบี้ พูดโพร่ง 
เป็นสื่อประเภท วัสดุ เป็นหนังสือสำหรับเด็ก อายุ 3-6 ปี เพราะมีตัวหนังสือให้เด็กสามารถอ่านตามไปด้วยได้ และมีเนื้อหาที่เป็นเรื่องราวสัมพันธ์กัน หนังสือเล่มนี้สามารถนำมาจัดประสบการณ์ทางด้านสังคมในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม ในเรื่องของการพูด การรักษาน้ำใจผู้อื่น 


          ต่อมาเป็นกิจกรรม การผลิตสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย สื่อที่เราทำในวันนี้คือ ตัวยืด 

 



อุปกรณ์
     1.กระดาษสี
     2.กระดาษแข็งสำหรับทำตัวการ์ตูน
     3.ตะเกียบ
     4.กาว
     5.กรรไกร


วิธีการทำ
     1. ตัดกระดาษขนาด ตวามยาว 15 ซม. ความกว้าง 5 ซม. จำนวน 30 แผ่น หรือตามความยาวที่ต้องการ
     2. พับกระดาษเป็น 3 ส่วน โดยต้องเท่ากันทุกแผ่น
     3. นำกระดาษ 2 แผ่นมาสอดไคว่กัน ใช้กาวติดที่ปลายของกระดาษ ทำแบบนี้ไปเรื่องๆ
     4. ใช้กาวติดกระดาษที่อยู่ฝั่งเดียวกัน ให้ติดกัน
     5. ใช้กระดาษแข็งมาวาดรูปตัวการ์ตูนที่ต้องการ โดยมีส่วนหน้า และ หลัง
     6. นำตัวยืด ตัวการ์ตูน และตะเกียบมาแปะติดกัน 


ครั้งที่ 3

21 สิงหาคม 2561





บทที่ สื่อ การเล่นเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย


“สื่อ” หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเด็ก คือ สิ่งที่มีชีวิต สิ่งที่ไม่มีชีวิต สิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้น ได้แก่ คน สัตว์ พืชผัก ผลไม้ สิ่งของเครื่องใช้ เครื่องเล่น วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ เทป ยานพาหนะ ฯลฯ สิ่งที่เหล่านี้เมื่อเด็กได้พบเห็น หรือจับต้องก็จะทำให้เกิดการเรียนรู้ ทั้งมีส่วนช่วยให้เด็กพัฒนาทางกาย อารมณ์– จิตใจ สังคม และสติปัญญา

ลักษณะของสื่อ
ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ได้แบ่งสื่อ ออกเป็น 3 ประเภท

1. สื่อการสอนประเภทวัสดุ สามารถจำแนกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 2 กลุ่ม
1.1 วัสดุการสอนที่ครูจัดทำหรือจัดหามา
1.2 วัสดุการสอนที่มีผู้จัดทำจำหน่าย
   1.2.1 สิ่งพิมพ์
   1.2.2 ภาพชุด
   1.2.3 เทปโทรทัศน์
   1.2.4 เทปเสียง 

2.สื่อการสอนประเภทอุปกรณ์
  2.1 เครื่องเสียง
  2.2 อุปกรณ์ประกอบเครื่องฉาย
  2.3 อุปกรณ์ที่ไม่เกี่ยวกับการใช้เสียงหรือให้ภาพ

3. สื่อการสอนประเภทวิธีการ
  3.1 การสาธิต    
  3.2 การทดลอง   
  3.3 เกม  
  3.4 การแสดงบทบาทสมมติ
  3.5 การจำลองสถานการณ์  
  3.6 การฝึกปฏิบัติจริงหลังการสนทนาเนื้อหา
  3.7 ทัศนศึกษา    
  3.8 กิจกรรมอิสระ  
  3.9 กิจกรรมที่จัดขึ้นตามโครงการ

การจัดระบบสื่อเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็ก
1. การเลือกสื่อ
     1.1 มีความปลอดภัย ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อเด็ก
1.1.1 ต้องทำด้วยวัสดุที่ไม่เ
1.1.2 พื้นผิวของวัตถุเรียบ       
1.1.3 ขนาดและน้ำหนักเหมาะสม
      1.2 คำนึงถึงประโยชน์   ที่เด็กได้รับ
1.2.1 เร้าให้เด็กอยากรู้อยากเห็น     
1.2.2 กระตุ้นพัฒนาการที่จะสร้างขึ้นหรือเลือกให้เด็ก ครูควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก
1.2.3 ประโยชน์ที่มีต่อกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหว
      1.3 ความประหยัด
1.3.1 เงิน ค่าใช้จ่ายในการผลิตไม่สูงเกินไป
1.3.2 ประหยัดในแง่ของวัสดุ
     1.4 ด้านประสิทธิภาพ
1.4.1 ใช้ได้หลายอย่าง หลายโอกาส
1.4.2 ให้เด็กได้ประสบการณ์ตรง

2. วิธีการเลือกสื่อ
 2.1 เลือกให้ตรงกับจุดมุ่งหมาย
 2.2 เลือกให้เหมาะสมกับวัยและความสามารถ
 2.3 เลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของท้องถิ่น
 2.4 มีวิธีการใช้ง่าย ๆ และนำไปใช้ได้หลาย ๆ วิธี
 2.5 มีความถูกต้องตามเนื้อหาและมีความทันสมัย
 2.6 มีคุณภาพดี
 2.7 เลือกสื่อที่เด็กเข้าใจง่ายในเวลาสั้น ๆ ไม่ซับซ้อน
 2.8 สื่อที่เลือกเป็นสื่อที่สามารถสัมผัสได้
 2.9 เลือกสื่อเพื่อใช้ฝึกและส่งเสริมการคิด
 2.10 เลือกสื่อให้เหมาะสมกับเวลาที่ใช้

หลักการผลิตสื่อการเรียนการสอน
1. สำรวจความต้องการในการใช้สื่อ
2. วางแผนในการผลิต
3. ดำเนินการผลิตตามรูปแบบที่ได้วางแผนไว้
4. ทดสอบคุณสมบัติของสื่อที่ผลิตขึ้น
5. นำสื่อที่ปรับปรุงแก้ไขแล้วไปใช้จริง

ขั้นตอนการใช้สื่อ
1. เตรียมตัวครู
2. เตรียมตัวเด็ก
3. เตรียมสื่อ

การนำเสนอสื่อ
1. สร้างความพร้อมและเร้าความสนใจ
2. ใช้สื่อตามลำดับขั้นของแผนการจัดกิจกรรม
3. ควรอยู่ด้านข้างหรือด้านหลังของสื่อที่ใช้ ไม่ควรยืนหันหลังให้เด็ก
4. ไม่ควรให้เด็กเห็นสื่อหลาย ๆ ชนิดพร้อมกัน
5. เปิดโอกาสให้เด็กได้ร่วมกิจกรรมในการใช้สื่อนั้น
6. ควรสังเกต หรือให้ความสนใจคำถาม คำพูดของเด็ก

การประเมินการใช้สื่อ
1. สื่อนั้นช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้เพียงใด
2. เด็กชอบสื่อชนิดนั้นเพียงใด
3. สื่อช่วยให้การสอนนั้นสอนได้ตรงกับจุดมุ่งหมาย
4. สื่อนั้นช่วยให้เด็กสนใจมากน้อยเพียงใด และสนใจเพราะเหตุใด

การเก็บรักษาและซ่อมแซมสื่อ
1. ควรตรวจสอบสื่อหลังจากที่ใช้แล้วทุกครั้ง ว่ามีสภาพสมบูรณ์
2. ควรฝึกให้เด็กช่วยกันเก็บรักษาสื่อของครู
3. เก็บสื่อให้เป็นระเบียบและเป็นหมวดหมู่
4. ฝึกให้เด็กหยิบสื่อออกมาใช้ได้เอง และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
5. ควรซ่อมแซมสื่อที่ชำรุด

สื่อเพื่อการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
ของเล่น
1. ของเด็กเล่น
2. เครื่องกีฬา
3. เครื่องดนตรี

วัตถุประสงค์ของการเล่นที่ใช้เครื่องเล่นของเด็ก
1. เพื่อเพลิดเพลิน
2. เพื่อพัฒนาการทางร่างกาย
3. เพื่อพัฒนาการด้านอารมณ์

ประโยชน์ของการเล่น
ซูซาน ไอแซค (Susan Isaacs) 
ได้ศึกษาวิจัยผลของการเล่นที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งกับเด็กปฐมวัย ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
1. การเล่นทำให้เกิดการเรียนรู้
2. การเล่นช่วยส่งเสริมความสามารถทางการคิดและสติปัญญา
3. การเล่นช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสังคม
4. การเล่นช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์
5. การเล่นช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกาย

รูดอล์ฟ (Rudolph, 1984, p. 95) 
ได้สรุปไว้เป็นองค์ประกอบของการเล่นได้ 3 ประการ ดังนี้
1. การเล่นนำไปสู่การค้นพบเหตุผลและความคิด
2. การเล่นเป็นการเชื่อมโยงระหว่างเด็กกับสังคม
3. การเล่นเป็นการนำเด็กไปสู่ภาวะความสมดุลทางอารมณ์

เพียเจท์ (เยาวพา เดชะคุปต์. 2528:12 อ้างอิงมาจาก Piaget.N.d.) 
ได้กล่าวเอาไว้ว่า การเล่นมีความสำคัญต่อพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็ก จากการเล่น เด็กจะสามารถแยกแยะสิ่งต่างๆจากสิ่งเร้าได้ และขณะที่เด็กตอบสนองสิ่งเร้าเด็กจะรับรู้สิ่งต่าง ๆเข้ามาในสมอง
1. บทบาทของการเล่น คือ การระบายอารมณ์
2. การเล่นช่วยให้เข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม
3. การเล่นเป็นการเรียนรู้ทางสังคม

สรุป สื่อ การเล่นเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย
เครื่องเล่นของเด็กมีความสำคัญในการพัฒนาร่างกายและจิตใจของเด็กและเยาวชน ผู้ทำหน้าที่เป็นแพทย์หรือบุคลากรการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ควรศึกษาและให้ความสนใจในเรื่องเครื่องเล่นพอสมควรทั้งนี้เพื่อจะได้ให้คำแนะนำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกสรรและจัดหาเครื่องเล่นให้ถูกต้องเหมาะสมกับผู้เล่นตลอดจนหาทางช่วยส่งเสริมการผลิตเครื่องเล่นให้มากขึ้นภายในประเทศโดยทางอ้อมต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอบทความ เกี่ยวกับสื่อการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย 



โดยบทความที่ดิฉันนำมาเสนอมีเนื้อหาดังนี้
 เล่นเกมพัฒนาความคิดยืดหยุ่น
งานวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนานยาง (Nanyang Technological University-NTU) ชี้ว่า ผู้ใหญ่ที่เล่นเกม “Cut the Rope” สม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ทำให้ EF ดีขึ้น เช่นเดียวกับเด็กที่เล่นเกมนี้
ผู้วิจัยชี้ว่า เกม Cut the Rope ออกแบบได้ดี ผู้เล่นจะต้องพยายามคิดค้นวิธีการใหม่ คิดสร้างสรรค์ หลังจากเล่นไป 20 ชั่วโมงพบว่า ผู้เล่น 33% สามารถเปลี่ยนภารกิจได้เร็วขึ้น 30% ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ได้เร็วขึ้นและ 60% ดีขึ้นในการมีสมาธิจดจ่อ คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดว่าเกมคอมพิวเตอร์ไม่ดีต่อลูก แน่นอนนักวิชาการไม่ค่อยแนะนำให้ลูกวัย 3-6 ขวบเล่นเกม วัยประถมอาจจะเล่นได้ ที่สำคัญการเลือกเกมดีมีประโยชน์ให้ลูกเล่นเป็นหน้าที่ของคุณพ่อแม่ยุคใหม่ และคอยควบคุมเวลาในการเล่นให้พอเหมาะ ลูกก็จะได้ประโยชน์จากการเล่นเกมที่ว่ามาข้างต้น










สิ้นสุดการสนทนาผ่านแชท